การอนุรักษ์ต้นน้ำ

ทหารกับการพัฒนา >> ชนบท >> การอนุรักษ์ต้นน้ำ

บทวิเคราะห์

Published by tabenz under on 14:08

พื้นที่ต้นน้ำลำธารเป็นแหล่งผลิตน้ำให้แก่ลำธาร ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยภูเขาหรือเนินสูงที่มีความลาดชันค่อนข้างมาก สำหรับพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งปกคลุมด้วยสภาพป่าไม้ตามธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์ ป่าไม้จะช่วยป้องกันน้ำฝนขณะฝนตกมิให้กัดเซาะชะพาดินผิวหน้า และช่วยรักษาความสมบูรณ์และความชุ่มชื้นมิให้เสื่อมสูญไป ส่วนเศษไม้ ใบไม้ ที่ทับถมผุพังอยู่บนผิวดินนั้นก็จะช่วยดูดซับน้ำฝน ทำให้น้ำมีโอกาสไหลซึมลงไปเก็บสะสมอยู่ในดินได้มาก แล้วจึงค่อยไหลระบายออกจากดินลงสู่ลำธารและลำห้วยอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา ดังนั้น ป่าไม้จึงมีความสำคัญที่ช่วยให้ลำน้ำลำธารมีน้ำไหลตลอดทั้งปี

ปัจจุบันพื้นที่ป่าต้นน้ำเสื่อมโทรมมากเนื่องมาจากสาเหตุประการแรก คือ การบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าไม้เพื่อเปลี่ยนแปลงพื้นที่ไปการทำเกษตรกรรม ทั้งนี้เนื่องจากการเพิ่มตัวของประชากรอย่างรวดเร็วทำให้ขาดที่ดินทำกิน จึงต้องมีการบุกรุกทำลายป่าเปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตรกรรม โดยอาจสรุปได้ว่าผู้บุกรุกป่าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือชาวไทยบนพื้นที่ราบและชาวเขาบนพื้นที่สูง จากการศึกษาของอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์พบว่า ชาวไทยที่ราบ ตัดป่าทำธุรกิจ ส่วนชาวเขาตัดป่าเพื่อเพาะปลูกโดยจะทำเกษตรซ้ำอยู่ที่เดิมประมาณ 4 – 5 ปี เมื่อดินหมดความสมบูรณ์ ก็ทำการเคลื่อนย้ายทำลายป่าเพื่อทำเป็นพื้นที่เกษตรกรรม อีกประการคือ การเผาป่าทำไร่ เผาป่าล่าสัตว์ ซึ่งในฤดูร้อนสภาพป่าจะแห้งโดยเฉพาะหญ้าและไม้พื้นล่างที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ในภาคเหนือและภาคอีสานมีฝนน้อย จึงเกิดการเผาป่ายาวนานกว่าภาคอื่นๆโดยส่วนใหญ่เกิดในป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง และบริเวณทุ่งหญ้า เผาป่าทำให้เศษใบไม้บริเวณผิวหน้าดินถูกเผาผลาญ เป็นผลให้พื้นดินขาดสิ่งปกคลุมที่ดูดซับน้ำ เม็ดดินบริเวณผิวหน้าดินเมื่อถูกความร้อนจากไฟจะแห้งเข็งเป็นมัน ไม่ดูดซับน้ำ เมื่อฝนตกทำให้เกิดการไหลบ่าของหน้าดินมากขึ้นและเกิดการกัดเซาะได้ง่ายอย่างยิ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาหลายประการประการแรกปัญหาดินถล่มเช่นเหตุดินถล่มในอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ และอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาศรีสัชนาลัยแต่อยู่คนละฝั่งเขากัน ในวันที่ 2-3 พฤษภาคม 2544 ได้เกิดฝนตกหนักเป็นเวลานาน ทำให้ดินบนลาดเขาไม่สามารถดูดซึมน้ำได้ทั้งหมดจึงเกิดการไหลลงมาตามลาดเขาพร้อมกับน้ำฝนที่ตกลงมา ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์มากมาย ประการที่สองปัญหาน้ำแล้งในภาคอีสานหากสังเกตปริมาณน้ำในปีหนึ่ง ๆ สำหรับภาคเหนือในหน้าฝนจะมีปริมาณน้ำไหลร้อยละ 80 และปริมาณน้ำไหลในหน้าแล้งร้อยละ 20 ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนมาก ส่วนภาคอีสาน มีปริมาณน้ำไหลร้อยละ 90-95 ในหน้าฝน แต่เหลือเพียงร้อยละ 5 -10 ในหน้าแล้ง หมายความว่าเรามีน้ำมากในหน้าฝน แต่มักท่วมและหลากไปหมดเก็บไว้ไม่อยู่พอถึงหน้าแล้งก็ไม่มีน้ำให้ใช้ ดังเช่นน้ำในอ่างเก็บน้ำที่หน้าฝนชาวบ้านไม่ต้องการน้ำจากอ่างเก็บน้ำมากนักเพราะฝนตกชุก ปลูกข้าวได้สบายๆ แต่พอหน้าแล้งน้ำในอ่างเก็บน้ำกลับแห้งตามไปด้วยหรือบางปีก็มีน้ำน้อยไม่พอใช้

การอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร คือ การใช้ การดูแลรักษาและปรับปรุงฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ที่สำคัญได้แก่ ป่าไม้ ดิน และน้ำ ด้วยวิธีการที่เหมาะสมโดยให้มีการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติน้อยแล้วได้รับ ประโยชน์คุ้มค่า ดังนั้นเราควรใช้หลักพื้นฐานตามแนวพระราชดำริในการอนุรักษ์ต้นน้ำที่ว่า “เมื่อมีป่าก็จะมีน้ำ มีดินอันอุดม มีความชุ่มชื้นของอากาศ และเกื้อกูลต่อการดำรงชีวิตของคน โดยวัตถุประสงค์ปลายทางอยู่ที่การเกื้อกูลการดำรงชีวิตของมนุษย์ และการอยู่ร่วมกันของคนกับป่า” เพื่อแก้ปัญหาที่ได้กล่าวไปเราจึงต้องหาวิธีเปลี่ยนผู้ทำลายทรัพยากรให้กลายมาเป็นผู้อนุรักษ์ทรัพยากร โดยการดำเนินนโยบายที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยสิ่งแรกที่ควรทำคือส่งเสริมการศึกษา เช่น เพิ่มเนื้อหาการเรียนเกี่ยวกับประโยชน์ของต้นน้ำ และการอนุรักษ์ต้นน้ำ และจัดหน่วยงานของรัฐไปอบรมชาวบ้านเพื่อให้ชาวบ้านมีความรู้ เมื่อชาวบ้านมีการศึกษา มีความรู้ ก็ย่อมเกิดความเข้าใจเกิด สำนึกทางสังคม และสำนึกในทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ต่อมาคือส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการปลูกป่า และจัดการทรัพยากรด้วยตนเอง เช่น ป่าไม้ชุมชน เพราะนอกจากจะได้ป่าเพิ่มแล้วยังเป็นการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ ให้แก่คนในชุมชนอีกด้วย เมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนนี้แล้วคนในชุมชนจะมีความรู้ว่าสิ่งใดเป็นการทำลายทรัพยากรสิ่งใดเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากร และจะไม่กลับไปทำลายมันอีกเพราะไม่จำเป็นที่จะทำแล้วเนื่องจากมีอาชีพ และรายได้พอกับการดำรงชีพ การพึ่งพาของคนและป่าเช่นนี้จะทำให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ป่าอยู่ได้เพราะคน และจะหมดไปเพราะคนเช่นกัน
ธรรมชาติจึงลงโทษคน เพราะคนไม่ช่วยกันดูแลและห่วงแหน
นนร.ปรัชญาวุธ สุวรรณชาตรี

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า... @ 8 สิงหาคม 2552 เวลา 20:01

เขียนเก่งจังเลยนะคับ
เขียนมากี่เรื่องแล้วคับ
ยังมีเรื่องอื่นให้อ่านอีกหรือเปล่าคับ

จะค่อยติดตามผลงานและเป็นกำลังให้ต่อไปนะคับ.... tabenz
From เด็กชายคลองบ้านหาร

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า... @ 11 สิงหาคม 2552 เวลา 21:32

ขอให้มีผลงานดีๆ



ต่อไปเรื่อยๆนะคะ



By ~Your SiS~

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า... @ 26 กันยายน 2559 เวลา 20:16

https://www.facebook.com/puenchaosaw/

แสดงความคิดเห็น

 

Lipsum

Followers