การอนุรักษ์ต้นน้ำ

ทหารกับการพัฒนา >> ชนบท >> การอนุรักษ์ต้นน้ำ

การอนุรักษ์ต้นน้ำ

Published by tabenz under on 13:34

พื้นที่ต้นน้ำลำธารเป็นแหล่งผลิตน้ำให้แก่ลำธาร ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยภูเขาหรือเนินสูงที่มีความลาดชันค่อนข้างมาก สำหรับพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งปกคลุมด้วยสภาพป่าไม้ตามธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์ ป่าไม้จะช่วยป้องกันน้ำฝนขณะฝนตกมิให้กัดเซาะชะพาดินผิวหน้า และช่วยรักษาความสมบูรณ์และความชุ่มชื้นมิให้เสื่อมสูญไป ส่วนเศษไม้ ใบไม้ ที่ทับถมผุพังอยู่บนผิวดินนั้นก็จะช่วยดูดซับน้ำฝน ทำให้น้ำมีโอกาสไหลซึมลงไปเก็บสะสมอยู่ในดินได้มาก แล้วจึงค่อยไหลระบายออกจากดินลงสู่ลำธารและลำห้วยอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา ดังนั้น ป่าไม้จึงมีความสำคัญที่ช่วยให้ลำน้ำลำธารมีน้ำไหลตลอดทั้งปี

ถ้าหากพื้นที่ต้นน้ำลำธาร แห่งใดมีสภาพที่เสื่อมโทรม เนื่องจากบริเวณพื้นที่ดังกล่าวถูกผู้คนบุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อนำที่ดินมาใช้ ทำการเกษตร หรือถูกบุกเบิก เพื่อการทำไร่เลื่อนลอยในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก เมื่อฝนตกน้ำฝนจะไหลบ่าตามลาดพื้นดินจากบริเวณพื้นที่รับน้ำฝนลงสู่ลำธาร และลำห้วยอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ดินถูกกัดเซาะพังทลายมาก และน้ำอาจไหลบ่าท่วมพื้นที่ทำการเกษตรและที่อยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ราบทางตอนล่างอย่างฉับพลันได้ แต่ครั้งถึงฤดูแล้งลำธาร และลำห้วยส่วนใหญ่จะไม่มีน้ำไหล ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่และการทำมาหากินของประชากรที่อาศัยอยู่ในเขต พื้นที่ลุ่มน้ำอย่างมากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธารอย่างยิ่ง ในระยะแรกที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรตามท้องที่ต่างๆ ในภาคเหนือ เฉพาะอย่างยิ่งตามบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งหลายแห่งเป็นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำมาหากินของชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริที่สำคัญ ได้แก่ การหาทางยับยั้งราษฎรชาวไทยภูเขาไม่ให้บุกรุกทำลายป่าบนภูเขาซึ่งเป็นต้นน้ำ ลำธารเป็นอันดับแรกโดยเร่งด่วนด้วยทรงตระหนักในพระราชหฤทัยว่า ปัญหาที่ราษฎรชาวไทยภูเขาจำนวนมากบุกรุกทำลายป่าตามยอดเขาต้นน้ำลำธาร เพื่อนำพื้นที่มาทำไร่เลื่อน-ลอยหรือปลูกฝิ่นนั้น นอกจากจะเป็นการผิดกฎหมายแล้ว การกระทำดังกล่าวยังเป็นสาเหตุสำคัญต่อการทำลายป่าในบริเวณที่เป็นต้นกำเนิด ของลำน้ำลำธารด้วย ถ้าหากไม่หาทางหยุดยั้งให้ได้แล้ว ผลเสียหายอาจเกิดขึ้นแก่ส่วนรวมในอนาคตอย่างประมาณมิได้ ด้วยเหตุนี้ ใน พ.ศ. ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการหลวง พัฒนาชาวเขาขึ้น หรือเรียกว่า "โครงการหลวง" ในระยะต่อมา โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อที่จะให้ชาวไทยภูเขาได้ตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน อย่างถาวรเป็นหลักแหล่ง ส่งเสริมให้ปลูกผลไม้เมืองหนาวและพืชเมืองหนาวต่างๆ เพื่อทดแทนการปลูกฝิ่นและการทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งจะมีผลช่วยในการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำลำธารให้พ้นจากความเสื่อมโทรมได้ดังกระแสพระราชดำรัสมีความตอนหนึ่งว่า

"เรื่องที่ช่วยชาวเขาและโครงการชาวเขานั้นมีประโยชน์โดยตรงกับชาวเขา เพื่อที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ชาวเขามีความเป็นอยู่ดีขึ้น... ผลอีกอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญมากก็คือ ชาวเขาตามที่รู้เป็นผู้ที่ทำการเพาะปลูกที่อาจทำให้บ้านเมืองเราไปสู่หายนะ ได้ โดยที่ถางป่าและปลูกโดยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ถ้าพวกเราทุกคนไปช่วยเขา ก็เท่ากับช่วยบ้านเมืองให้มีความดี ความอยู่ดีกินดี และปลอดภัยได้อีกทั้งประเทศ เพราะว่าถ้าเราสามารถทำโครงการนี้ให้สำเร็จ ให้ชาวเขาอยู่เป็นหลักแหล่ง สามารถที่จะมีการกินดีอยู่ดีพอสมควร และสนับสนุนนโยบายที่จะรักษาป่าไม้ รักษาดินให้เป็นประโยชน์ต่อไป ประโยชน์อันนี้จะยั่งยืนมาก"


การจัดตั้งโครงการหลวงในภาคเหนือดังกล่าวจึงเป็นการเริ่มงานอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร ตามพระราชดำริขึ้นในภาคเหนืออย่างจริงจังเป็นครั้งแรก จนถึงปัจจุบันได้มีการดำเนินงานกระจายไปทั่วภูมิภาคนี้และอีกหลายแห่งในภาค อื่นด้วยโดยมีรายละเอียดด้านวิชาการที่สำคัญดังต่อไปนี้

การอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร หมายถึง การใช้ การดูแลรักษาและปรับปรุงฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ที่สำคัญได้แก่ ป่าไม้ ดิน และน้ำ ด้วยวิธีการที่เหมาะสมโดยให้มีการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติแต่น้อยแล้วได้รับ ประโยชน์คุ้มค่า อีกทั้งยังรวมถึงการป้องกันและรักษาทรัพยากรธรรมชาติบางอย่างซึ่งถูกทำลาย ให้มีคุณภาพดีดังเดิมหรือดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ถ้าพบว่าบริเวณใดของพื้นที่ต้นน้ำลำธารมีความเสื่อมโทรมเกิดขึ้น จะต้องรีบดำเนินการปรับปรุงและฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมเหล่านั้น ให้คืนสภาพโดยเร็วที่สุดเสมอ
วิธีการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร โดยทั่วไปประกอบด้วย การอนุรักษ์ป่าไม้ ร่วมกับการ อนุรักษ์ดินและน้ำ ด้วยวิธีการที่เหมาะสมต่างๆ ดังนี้

•การอนุรักษ์ป่าไม้
•การอนุรักษ์ดินและน้ำ

การอนุรักษ์ป่าไม้
ป่าไม้มีความสำคัญต่อพื้นที่ต้นน้ำลำธารที่จะต้องมีการอนุรักษ์ไว้เป็นอันดับแรก การอนุรักษ์ป่าไม้ทำได้โดย
๑. บำรุงรักษาสภาพป่าไม้ของบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ให้มีความอุดมสมบูรณ์ตลอดไปด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การกำหนดพื้นที่ป่าต่างๆ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ การป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้อย่างจริงจัง การป้องกันมิให้มีการบุกเบิกขยายพื้นที่เพื่อการทำไร่เลื่อนลอย และการป้องกันไฟไหม้ป่า
๒. ปรับปรุงบูรณะสภาพพื้นที่ป่าไม้ซึ่งถูกทำลายอย่างมีประสิทธิภาพและจริงจัง ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การปลูกซ่อมเสริมป่าในบริเวณพื้นที่รกร้างว่างเปล่า การทำสวนป่า การทำสวนพฤกษศาสตร์หรือสวนรุกขชาติ ตลอดจนการ จัดทำระบบวนเกษตร โดยปลูกพืชเศรษฐกิจที่เป็นไม้ผลหรือพืชอื่นผสมในสวนป่า
๓. ประชาสัมพันธ์ ด้วยการให้การศึกษาแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปให้ตระหนักถึงภัยอันจะเกิดขึ้นจากการที่ป่าไม้บริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธารถูกทำลาย และรณรงค์ให้ร่วมมือกับทางราชการในการรักษาป่าไม้อย่างกว้างขวางเป็นต้น
การอนุรักษ์ดินและน้ำ

การอนุรักษ์ดินและการอนุรักษ์น้ำ
ในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธารเป็นกิจกรรมซึ่งมีผลเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน กล่าว คือ ในการอนุรักษ์ดิน ส่วนใหญ่เราจะดำเนินการในด้านการลดความรุนแรงของน้ำที่ไหลบ่ามาบนผิวดินมิ ให้ทำอันตรายต่อผิวดิน โดยการชะลอความเร็วของกระแสน้ำที่ไหลหรือด้วยวิธีการเก็บกักน้ำไว้ตามลำธาร ลำห้วยเป็นตอนๆ เพื่อที่น้ำจะได้มีโอกาสไหลซึมลงไปเก็บสะสมอยู่ในดินให้มากที่สุด หลังจากนั้นจึงค่อยไหลระบายออกจากดินลงสู่ลำธารและลำห้วยตลอดทั้งในฤดูฝนและ ฤดูแล้ง ทำให้ลำธารและลำห้วยดังกล่าวมีน้ำไหลตลอดปี และอำนวยประโยชน์เกี่ยวกับความเป็นอยู่ตลอดจนการทำมาหากินให้แก่ประชาชนที่ อาศัยอยู่ในเขตลุ่มน้ำอย่างทั่วถึง ดังวิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำที่สำคัญต่อไปนี้

๑. วิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยพืช โดยการปลูกต้นไม้หรือพืชคลุมดิน เพื่อป้องกันการพังทลายของดินในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธารที่ไม่มีป่าไม้ ด้วยพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับพื้นที่และวิธีการปลูกดังนี้

๑.๑ การปลูกพืชเป็นแนวตามเส้นชั้นระดับเดียวกัน โดยการปลูกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นแนวไปตามแนวเส้นชั้นระดับเดียวกันและตั้งฉากกับความลาดเทของพื้นที่

๑.๒ การปลูกพืชสลับเป็นแถบ โดยการแบ่งพื้นที่ปลูกพืชหลายชนิดเป็นแถบสลับกันและตั้งฉากกับความลาดเทของ พื้นที่มีอยู่ ๒ รูปแบบ คือ ปลูกเป็นแถบคดโค้งไปตามแนวเส้นชั้นระดับเดียวกัน และปลูกเป็นแถบตั้งฉากกับความลาดเทเป็นแนวตรงขนานกัน

๑.๓ การปลูกพืชหรือใช้วัสดุคลุมดินสำหรับพื้นที่บางแห่ง เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าดินถูกน้ำและกระแสลมกระทำโดยตรง และยังเป็นการลดการระเหยของน้ำออกจากดินมากเกิดขอบเขตอีกด้วย พืชคลุมดิน ได้แก่ พืชตระกูลถั่วและหญ้าบางชนิด ส่วนวัสดุคลุมดินได้แก่เศษพืช เป็นต้น

๑.๔ การปลูกต้นไม้หรือพืชหลายอย่างในพื้นที่เดียวกัน เพื่อให้ใบพืชต่างๆสามารถคลุมพื้นที่ได้มากที่สุด เพื่อลดการถูกชะล้างพังทลายของดินและช่วยรักษาความชื้นในดินด้วย

๒. วิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยการก่อสร้าง โดยทั่วไปการปลูกต้นไม้หรือพืชคลุมดินในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งมีความลาดชันมากแต่เพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลบ่ามาบนผิวดินได้ดีเท่าที่ควร จึงนิยมก่อสร้างหรือดัดแปลงสภาพพื้นที่ร่วมกับวิธีการอนุรักษ์ด้วย พืช เพื่อช่วยลดความรุนแรงของน้ำที่ไหลบ่ามาดังกล่าว นอกจากนั้น ตามร่องน้ำและลำธารต่างๆ จะนิยมก่อสร้างหรือหาวิธีเก็บกักน้ำไว้เป็นระยะๆ อีกด้วยสำหรับใช้ชะลอความเร็วของกระแสน้ำ และน้ำที่กักกั้นไว้ก็จะซึมเข้าไปเก็บขังอยู่ในดินตามตลิ่ง และท้องน้ำได้มากขึ้น วิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยการก่อสร้างที่สำคัญ มีดังนี้

๒.๑ การก่อสร้างคันดิน โดยการ ก่อสร้างคันดินกั้นน้ำห่างกันเป็นระยะๆตลอดความยาวของพื้นที่ลาดเอียง ซึ่งคันดินแต่ละแนวจะสร้างไปตามพื้นดินที่มีระดับดินเท่า กันโดยประมาณ หรืออาจสร้างมีแนวลาดลงสู่ที่ต่ำทีละน้อยพร้อมกับขุดร่องน้ำที่มีลักษณะแบน และตื้นอยู่ทางด้านหน้าติดกับคันดินด้วย เพื่อจะได้ระบายน้ำที่คันดินกั้นไว้ออกไปจากพื้นที่ลงสู่ร่องน้ำและลำธารต่อ ไป
คันดินที่ก่อสร้างขึ้นควรมีลักษณะเตี้ย และแบน มีระยะความสูงของคันไม่เกิน ๓๐ เซนติเมตร และขนาดความกว้างของฐานคันดินกับความกว้างของร่องน้ำควรมีระยะรวมไม่น้อย กว่า ๕ เมตร เพื่อให้คันดินมีความมั่นคงแข็งแรง และสร้างด้วยเครื่องจักรกลได้สะดวก

๒.๒ การก่อสร้างขั้นบันได ในบริเวณลาดเนินเขาทั่วไปสมควรขุดตักดินเป็นขั้นบันไดห่างกันเป็นระยะตลอด ความยาวของพื้นที่ลาดเนิน โดยเลือกขั้นบันไดดังกล่าวให้เหมาะสมกับสภาพท้องที่ดังต่อไปนี้

๑) ขั้นบันไดแบบราบ มีพื้นที่ขั้นบันไดอยู่ในแนวระดับ และนิยมสร้างคันดินเพื่อกั้นน้ำที่ขอบบันไดทุกชั้นด้วย เหมาะสำหรับท้องที่ซึ่งมีฝนตกชุกและต้องการเก็บขังน้ำไว้ใช้เพาะปลูกพืชตาม ขั้นบันไดดังกล่าว
๒) ขั้นบันไดแบบลาดเทออกมีพื้นที่ขั้นบันไดลาดเทออก สามารถใช้ได้ผลดีเฉพาะในท้องที่ซึ่งมีฝนตกน้อย
๓) ขั้นบันไดแบบลาดเทเข้ามีพื้นที่ขั้นบันไดลาดเทเข้า ซึ่งจะสามารถดักและเก็บขังน้ำอยู่ตามขั้นบันไดได้ จึงเหมาะที่จะก่อสร้างในภูมิภาคที่มีฝนตกชุก
การอนุรักษ์ดิน และน้ำในบริเวณพื้นที่ลาดเอียงโดยวิธีการก่อสร้างคันดินและขั้นบันไดดัง กล่าว สมควรปลูกต้นไม้หรือพืชคลุมดินให้ทั่วทั้งบริเวณ ทั้งนี้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการพังทลายของดิน และทำให้พื้นที่ต้นน้ำลำธารบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น

๒.๓ การก่อสร้างฝายปิดกั้นทางน้ำ ตามร่องน้ำและลำธารต่างๆ ในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ซึ่งถูกทำลายจนมีสภาพเสื่อมโทรมควรพิจารณาสร้างสิ่งก่อสร้างปิดกั้นลำน้ำที่ เรียกว่า "ฝาย" เป็นระยะๆ เพื่อใช้ทดและเก็บน้ำที่ไหลบ่าลงมาไว้ในลำน้ำคล้ายกับอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ให้กระจายอยู่ทั่วไปตามบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร โดยน้ำที่เก็บกักนี้จะซึมเข้าไปในดินตามตลิ่งและท้องน้ำ เข้าไปเก็บอยู่ใน ช่องว่างระหว่างเม็ดดินทำให้น้ำที่เก็บกักอยู่ในดินตามบริเวณต้นน้ำลำธารนั้นมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้พื้นที่บริเวณต้นน้ำลำธารดังกล่าวเกิดความชุ่มชื้นและมีน้ำไหลอกจากดินหล่อเลี้ยงลำธารตลอดปี
ฝายที่สร้างปิดกั้นทางน้ำในบริเวณต้นน้ำลำธาร อาจสร้างด้วยวัสดุซึ่งมีราคาถูก และหาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น กิ่งไม้ ใบไม้ ไม้ไผ่ เสาไม้ ทราย และกรวด เป็นต้น โดยนำเสาไม้ มาตอกให้ห่างกันเป็นระยะๆ ขวางทางน้ำให้ได้หลายแถวตามที่ต้องการ และนำไม้เคร่ามาตอกติดกับเสาแล้วกรุด้วยไม้ไผ่ติดกับเคร่าพร้อมกับสะกิ่ง ใบไม้และอัดกรวดทรายลงไปในคอกให้เต็ม หรือฝายในบางท้องที่อาจใช้วัสดุก่อสร้างอันประกอบด้วยก้อนหินขนาดต่างๆ นำมากองก่ายเป็นรูปคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมูขวางลำน้ำ โดยในช่องว่างของหินขนาดใหญ่แต่ละชั้นบรรจุด้วยกรวดและหินย่อยขนาดเล็กลงไป จนเต็ม ซึ่งฝายที่สร้างด้วยหินดังกล่าวนี้จะต้านทานน้ำที่ไหลผ่านตัวฝาย และน้ำที่ล้นข้ามสันฝายได้เป็นอย่างดี
เมื่อต้องการสร้างฝายให้มั่นคงแข็งแรง และเก็บขังน้ำได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางน้ำที่มีน้ำไหลแรงในฤดูฝนก็จะต้องใช้วัสดุที่มีความคง ทนถาวรเป็นหลัก ได้แก่ หิน ซีเมนต์ และคอนกรีตล้วน โดยมีการคำนวณออกแบบกำหนดสัดส่วนของฝายให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ ให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่คาดว่าจะมีมามากที่สุดให้ไหลข้ามฝายไปได้อย่าง ปลอดภัย และจะต้องทำการก่อสร้างให้ถูกวิธีด้วย



การดำเนินงานสนองพระราชดำริ
ในการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธารที่เสื่อมโทรมมีหลายหน่วยราชการที่เกี่ยว ข้องดำเนินงานสนองพระราชดำริ ด้วยวิธีการต่าง ๆ กัน ได้แก่ การอนุรักษ์ ป่าไม้ การอนุรักษ์ดินและน้ำโดยทางพืชร่วมกับการก่อสร้างคันดินหรือสร้างขั้น บันได รวมทั้งวิธีการก่อสร้างฝายปิดกั้นทางน้ำในบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ดัง ต่อไปนี้ กรมป่าไม้ได้จัดตั้งและดำเนินงานโครงการพัฒนาต้นน้ำตามแนวพระ ราชดำริหลายหน่วยกระจายอยู่ตามท้องที่จังหวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือมี การปลูกเสริมป่าเพื่ออนุรักษ์ต้นน้ำลำธารในบริเวณที่เสื่อมโทรม และสนองพระ ราชดำริในการจัดให้ชาวไทยภูเขาได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านพัฒนาชาวเขาโดยมีที่ ดินถาวรสำหรับทำมาหากิน เพื่อป้องกันและลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อ ใช้พื้นที่ทำไร่เลื่อนลอย ในพื้นที่จัดสรรให้เพาะปลูกเหล่านี้มีการปรับพื้นที่เป็นนา ขั้นบันไดเพื่อปลูกข้าวหรือก่อสร้างคันดินชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลบ่ามาตาม ผิวดินแล้วใช้ปลูกพืชเศรษฐกิจ อันเป็นการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำลำธารอย่างถูก ต้องตามหลักการดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เช่น โครงการพัฒนาต้นน้ำหน่วยที่ 1 ห้วยทุ่งจ๊อ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โครงการพัฒนาต้นน้ำหน่วยที่ 27 อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน โครงการพัฒนาต้นน้ำหน่วยที่ 29 แม่ตาช้าง อำ เภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โครงการพัฒนาต้นน้ำหน่วยที่ 32 ดอยมูเซอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และโครงการพัฒนาต้นน้ำหน่วยที่ 34 ขุนงาว อำ เภองาว จังหวัดลำปาง เป็นต้น

ปัญหาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องได้รับการดำเนินการแก้ไขควบคู่ไปกับการพัฒนา ความเจริญก้าวหน้า เพราะยิ่งมีความเจริญก้าวหน้า ย่อมหมายถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมยิ่งก่อตัวและทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นเงาตาม กันไป ซึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะเป็นวิธีการที่จะทำนุบำรุง และปรับปรุงสภาพทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นในด้านต่างๆ เช่น การอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ และป่าไม้ ดังนี้

การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรดิน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีแนวพระราชดำริเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องของดิน ทั้งปัญหาดินที่เสื่อมโทรม ขาดคุณภาพ และการขาดแคลนที่ดินทำกินสำหรับเกษตรกร ดังนี้
• สนับสนุนให้เกษตรกรได้เรียนรู้ และเข้าใจถึงวิธีการอนุรักษ์ดินและน้ำ ทรงมีพระราชดำริให้อนุรักษ์ผิว ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ให้คงอยู่ รวมถึงให้คงไม้ยืนต้นไว้ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวดิน พร้อมทั้งพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการสร้างระบบอนุรักษ์ดิน และน้ำ รวมถึงเป็นตัวอย่างของการชะล้างพังทลายของดิน จัดตั้งศูนย์การศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง เพื่อศึกษาและพัฒนาพื้นที่พรุ ซึ่งมีดินเปรี้ยว ให้กลายเป็นดินที่มีคุณภาพ เพาะปลูกได้ รวมถึงจัดทำแปลงสาธิตการพัฒนาที่ดินแก่เกษตรกร นอกจากนี้ยังทรงพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับหญ้าแฝก เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนา และอนุรักษ์ต้นน้ำรวมถึงความชุ่มชื้นของดินได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
• จัดสรรและปฏิรูปที่ดิน ด้วยการนำที่ดินเปล่ามาจัดสรรให้เกษตรกรที่ไร้ที่ทำกิน ได้ประกอบอาชีพในรูปของหมู่บ้านสหกรณ์ โดยให้เฉพาะสิทธิ์ทำกิน แต่ไม่ให้สิทธิ์ถือครอง นอกจากนี้ยังจัดสรรที่ดินให้ราษฎรชาวไทยภูเขามีที่ดินทำกินและอยู่อาศัยเป็น หลักแหล่ง เพื่อจะได้ไม่ต้องทำลายผืนป่าอีกต่อไป พร้อมทั้งพระราชทานแนวทฤษฎีใหม่ในการแก้ไขปัญหาที่ดิน ด้วยการให้ จัดสรรที่ดินของเกษตรกรเป็นสัดส่วน มีแหล่งน้ำในที่ดินแต่ละแปลง เพื่อให้เกษตรกรเจ้าของที่ดินสามารถทำการเกษตรแบบผสมผสานได้ เพื่อจะได้มีผลผลิตและรายได้ไว้ใช้จ่ายได้ตลอดทั้งปี

การอนุรักษ์ทรัพยากรแหล่งน้ำ
จากการที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีอาชีพทางด้านเกษตรกรรม การอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำจึงถือเป็นสิ่งจำเป็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนา ห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียง ใหม่ เพื่อศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับรูปแบบที่เหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่ต้นน้ำลำธาร เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจรวมทั้งรูปแบบการพัฒนาต่าง ๆ ที่ทำให้เกษตรกรพึ่งตนเองได้ โดยไม่ต้องทำลายสภาพแวด ล้อมทางธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้การอนุรักษ์ต้นน้ำและพัฒนาป่า เป็นกระบวนการที่ดำเนินไปพร้อมกันกับการประกอบอาชีพ
สำหรับแหล่งน้ำในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัดที่มีปัญหาการเน่าเสีย พระองค์ก็ได้เสด็จฯ ทอดพระเนตรพร้อมทั้งได้พระราชทานพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียด้วยการประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” เพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากแหล่งชุมชนและแหล่งอุตสาหกรรม

การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
เมื่อจำนวนประชากรของประเทศเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการการบุกรุกทำลายป่าไม้ เพื่อบุกเบิกพื้นที่ทำกิน ลักลอบ ตัดไม้ป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และเผาถ่าน นอกจากนี้ การเร่งการดำเนินงาน บางโครงการ เช่น การก่อสร้างถนน สร้างเขื่อน ฯลฯ ทำ ให้มีการตัดไม้ โดยไม่คำนึงถึง การอนุรักษ์ทรัพยากร ป่าไม้ ก็มีผลทำให้พื้นที่ป่าไม้ลดน้อยลง และพื้นที่ป่าบางแห่งอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นความสำคัญของป่าไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดปัญหาฝนแล้ง น้ำท่วม ดังที่ประเทศไทย ประสบอยู่ในขณะนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจากการทำลาย ป่า พระองค์จึงทรงมีพระราชหฤทัยมุ่งมั่น ที่จะแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาป่าให้ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ดังเดิม จากแนวพระราชดำริของพระองค์ ก่อให้เกิด โครงการพัฒนาและบำรุงป่าไม้จำนวนมากมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะป่าไม้ที่เป็นต้นน้ำลำธารให้คงสภาพอยู่เดิม เพื่อป้องกันอุทกภัย ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็ถนอมน้ำไว้ใช้สำหรับหล่อเลี้ยงแม่น้ำลำธารด้วย เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่ห้วยลานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Lipsum

Followers